ผิวรากฟันเทียมแบบ SLA มีผลต่อการยึดเกาะของกระดูกอย่างไร?
ผิวรากฟันเทียมแบบ SLA (Sandblasted Large-grit Acid-etched) เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยบริษัท Straumann ซึ่งมีผลสำคัญต่อการยึดเกาะของกระดูกอย่างมาก โดยผิวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างรากฟันเทียมและกระดูก ทำให้กระดูกสามารถยึดเกาะได้ดีขึ้น การวิจัยที่สนับสนุนการใช้ผิว SLA แสดงให้เห็นว่ามีการยึดเกาะที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการฟื้นตัวของผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บริษัท Straumann ยังได้พัฒนาเทคโนโลยี SLActive ที่ช่วยให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียมได้เร็วขึ้น โดยลดระยะเวลาจาก 6-8 สัปดาห์ใน SLA เหลือเพียง 3-4 สัปดาห์ใน SLActive นอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ในการผลิตรากฟันเทียมยังมีความสำคัญ โดย Straumann ใช้โลหะผสมที่เรียกว่า Roxolid ซึ่งมีความแข็งแรงมากกว่า Titanium ธรรมดา แต่ยังคงรักษาคุณสมบัติในการยึดติดกับกระดูกได้ดีตามมาตรฐานของผิว SLA ด้วยเหตุนี้ รากฟันเทียมที่มีผิว SLA จึงถือว่ามีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพช่องปากของผู้ป่วย
เรียนรู้เพิ่มเติม